กุฑุ คือ ใคร



0

อู่ทอง


ท่ามกลางอากาศที่ร้อนแรง ผมได้นั่งรถนำเที่ยวของอพท ไปตามเส้นทางการท่องเที่ยวในอู่ทอง ใครก็รู้ว่าอู่ทองโด่งดังเป็นชุมชุนที่มีชื่อเสียงจากอะไร

ผู้นำกลุ่มตำลึงหวาน ได้พถามผมว่า มาอู่ทอง แล้วนึกถึงอะไร เป็นการตอบย้ำถึงคำถามนั้น

ผมตอบ เมืองโบราณ

ใช่ครับอู่ทองเป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดี อันที่จริงก็แม้ไม่มีในบทเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ แต่เราก็สัมผัสได้ จากเรื่องราวตามสื่อ

แต่

เมื่อผมได้มาเที่ยวชุมชน ปรากฏว่า คนในอู่ทองมีมากมาย...หลายชาติพันธุ์

ไทครั่ง หรือลาวครั่ง ที่บ้านโคก

ไทพวน หรือลาวพวน ที่บ้านเขาพระ

ไททรงดำ หรือลาวซ่ง ที่บ้านดอนมะเกลือ

ลาวเวียง ที่บ้านโข้ง

ยังไม่นับคนไทยภาคกลาง คนไทย-จีน ที่อยู่อย่างหนาแน่นในตัวอำเภอ ซึ่งรวมไปถึงคนจากภาคอื่นๆ ที่ได้ย้ายเข้ามาทำงานมาอยู่อาศัย

แล้วใคร คือ คนอู่ทอง?

อู่ทองเป็นเมืองโบราณ แล้วใครเป็นเจ้าของเมืองอู่ทอง

......

เราจะรู้ได้อย่างไร

..........

คำตอบอาจอยู่ที่

.....

กุฑุ

 

1

กุฑุ

ยามเมื่อเราเดินไปเล่นๆ เพลินๆ ในพิพิธภัณฑ์เราจะพบโบราณวัตถุมากมาย รวมไปถึง กุฑุ ด้วยเช่นกัน

กุฑุ คืออะไร เป็นประติมากรรมดินเผาวงโค้งรูปบุคคล ซึ่งเป็นส่วนประดับส่วนยอดของหลังคาศาสนสถานที่อาจต่อขึ้นไปหลายชั้น เป็นประติมากรรมสมัยทวารวดีที่ได้รับอิทธิพลผสมผสานระหว่างศิลปะท้องถิ่นกับวัฒนธรรมอินเดียในสมัยคุปตะ กุฑุสื่อถึงวิมานของเหล่าเทพ และบุคคลในวงกลมคือเทวดา ในรูปเป็นเพศชายที่มีผมเป็นลอน แยกออกเป็นสองข้างด้านซ้ายและด้านขวา มีการเกล้าจุกที่กลางกระหม่อม ดวงตาใหญ่เบิกโพลงคล้ายเทวรูปในศาสนาศาสนาพราหมณ์ นอกจากมีเพศชายแล้วยังมีประติมากรรมเพศหญิง


เพศหญิง มีรูปหน้ากลม คิ้วมีรูปร่างเป็นปีกกา จมูกโด่ง ผมแสกกลาง มัดเป็นจุกที่กระหม่อนเช่นเดียวกับเพศชาติ มีเครื่องประดับ ตุ้มหู กำไล และสร้อยลูกปัด เช่นเดียวกับที่พบเครื่องประดับเหล่านี้จากการขุดค้น ซึ่งก็พบอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่อู่ทองเช่นเดียวกัน



ลองคิดเล่นๆ

หากมีการล้อการแต่งกายในสมัยนั้นก็เป็นไปได้ที่ลอกเลียนหน้าตาของคนในสมัยนั้นให้เป็นเทวดาด้วยเช่นกัน จึงเป็นข้อสังเกตเล็กๆ น้อย ซึ่งก็คล้ายคลึงกับหน้าตาของคนพื้นถิ่นในสุวรรณภูมิ ที่พูดคนที่พูดภาษาออสโตรเอเชียติก อาทิ ชาติพันธุ์มอญ เขมร ขมุ (ข่า) โดยเฉพาะ มอญที่เป็นอาจเป็นเจ้าของวัฒนธรรมทวารวดี ดังนั้นคนอู่ทองราณก็อาจเป็นคนที่มีหน้าตาเช่นเดียวกับพูดภาษาออสโตรเอเชียติก



ชาวข่าในอดีต ที่มา https://www.isangate.com/new/11-paothai/145-paothai-kha.html